ออกเกณฑ์ช่วยลูกหนี้เรื้อรังกลุ่มเปราะบาง ปิดจบได้ภายใน 5 ปี
ด้าน น.ส.สุวรรณี สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ และ non bank ภาวใน งาน Media Briefing "แบงก์ชาติชวนคุย แก้หนี้ยั่งยืน" ว่า
ยังรอเงินดิจิทัล วอเล็ต 10,000 บาทอยู่ไหม? หลังไม่ได้ตามเดิม พ.ค.นี้
คืบหน้า ไตรภาคีตั้งอนุกรรมการฯ คิดสูตรค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่
1. ช่วยลูกหนี้ต่อเนื่องด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs (ที่ไม่เคยผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มาก่อน)
เมื่อเริ่มมีปัญหาการชำระหนี้ จะได้รับการเสนอแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และเหลือเงินเพียงพอในการดำรงชีพ
สำหรับลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาชำระหนี้แต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย (NPL) อย่างน้อย 1 ครั้ง และสำหรับลูกหนี้ NPL อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยจะไม่ถูกโอนขายหนี้ก่อน 60 วัน นับจากวันที่ผู้ให้บริการเสนอเงื่อนไขปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้
ลูกหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล
ลูกหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นหนี้ค้างชำระเกิน 120 วัน สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ โดยได้รับการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ให้ผ่อนเฉพาะเงินต้นนานสูงสุด 10 ปี อัตราดอกเบี้ยเพียง 3-5% ต่อปี และยกดอกเบี้ยค้างเดิมให้เมื่อชำระครบตามสัญญา (เฉพาะเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ)
ลูกหนี้เรื้อรังกลุ่มเปราะบาง "ปิดจบได้"
ส่วนลูกหนี้เรื้อรังกลุ่มเปราะบางให้สามารถปิดจบหนี้ได้ ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ประเภทวงเงินหมุนเวียน (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และบัตรเครดิต) ที่ไม่เป็น NPL และชำระดอกเบี้ยรวมมากกว่าเงินต้นรวมในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา จะได้รับความช่วยเหลือให้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และลดภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น โดยจะได้รับการแจ้งเพื่อกระตุกพฤติกรรม และร่วมแก้ปัญหาหนี้กับเจ้าหนี้โดยเร็ว
- ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 20,000 บาท
- ลูกหนี้ non bank อื่นๆ ที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 10,000 บาท
โดยสามารถเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (opt-in) ด้วยการเปลี่ยนประเภทสินเชื่อหมุนเวียน เป็นสินเชื่อที่ผ่อนชำระเป็นงวด (installment loan) ให้ปิดจบหนี้ได้ภายใน 5 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เกิน 15% ต่อปี
คุ้มครองสิทธิลูกหนี้ให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น
ลูกหนี้ได้รับการดูแลให้การคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นธรรมมากขึ้น ตลอดจนได้รับข้อมูลสำคัญถูกต้อง ครบถ้วน และเปรียบเทียบได้ รวมทั้งส่งเสริมวินัยทางการเงิน ไม่ถูกคิดค่าปรับไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด (prepayment fee) สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลทุกประเภท ยกเว้นกรณี refinance สินเชื่อบ้านในช่วงเวลา 3 ปีแรก เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสได้ดอกเบี้ยต่ำ โดย
- ไม่ถูกคิดค่าธรรมเนียมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกัน ซึ่งจำเป็นต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
- ไม่ถูกคิดดอกเบี้ยทบต้นสำหรับสินเชื่อที่ให้แก่ลูกค้ารายย่อย รวมกรณีบัญชีเดินสะพัดของสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (overdraft) (เริ่ม 1 ก.ค. 67)
นอกจากนี้ ลูกหนี้ได้รับข้อมูลสำคัญถูกต้องครบถ้วน และเปรียบเทียบได้ รวมทั้งส่งเสริมวินัยทางการเงิน ผ่านการให้ข้อมูลของผู้ให้บริการเพื่อกระตุกพฤติกรรมตลอดวงจรหนี้ เช่น การมีคำเตือน "กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว" และอัตราดอกเบี้ยต่อปีต่ำสุด ? สูงสุดในสื่อโฆษณา การแจ้งเตือนเมื่อจะมีภาระค่างวดหรืออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (เริ่ม 1 ก.ค. 67) การแจ้งข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางเลือกในการแก้หนี้ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดทำคลิปส่งเสริมความรู้ทางการเงินเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทัน และรู้วิธีแก้ไขปัญหาเมื่อต้องประสบภัยทางการเงิน
สถาบันการเงิน จะต้องรับผิดชอบใน 3 เรื่องสำคัญ คือ
- ช่วยลูกหนี้ต่อเนื่องด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
- ช่วยลูกหนี้เรื้อรังกลุ่มเปราะบาง ให้สามารถปิดจบหนี้ได้
- คุ้มครองสิทธิลูกหนี้ให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น
ส่วนฝ่ายลูกหนี้จะต้องมีวินัย โดยก่อหนี้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว พร้อมทั้งเข้าใจเงื่อนไขการกู้เงิน
ด้าน น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท. กล่าวในงาน Media Briefing "แบงก์ชาติชวนคุย แก้หนี้ยั่งยืน" ว่า ธปท.ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3/2566 ธปท. ได้ออกแนวทางการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนที่บางส่วนมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 ม.ค.67 โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
ซึ่งได้ยกระดับจากการขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ มาเป็นการกำหนดให้สถาบันการเงินต้องให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ดูแลลูกหนี้ที่มีปัญหาชำระหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยลูกหนี้ที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรังให้ปิดจบหนี้ได้ รวมถึงคุ้มครองสิทธิลูกหนี้
ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้จะไม่ส่งผลกระทบให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ต้องสะดุด หรือทำให้ลูกค้าเข้าถึงการปล่อยสินเชื่อได้ยากขึ้นแต่อย่างใด แต่กลับจะช่วยให้การปล่อยสินเชื่อมีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการแก้หนี้ครัวเรือน และคาดว่าจะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนทยอยลดลงได้
เรื่องมาตรการฯ เป็นเพียงส่วนเดียวของการที่แบงก์จะปล่อยกู้ แต่ส่วนใหญ่ๆ จะต้องดูความเสี่ยง ดูภาวะเศรษฐกิจ ดูความเสี่ยงลูกหนี้ด้วย ดังนั้น จะไปกระตุก (การปล่อยสินเชื่อ) ในช่วงต้นหรือเปล่า คงจะมีหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของการทำมาตรการ คือ อยากเห็นการปล่อยกู้ที่มีคุณภาพมากขึ้น และเชื่อว่าแบงก์พาณิชย์เอง ก็คงต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน
ออปต้า ทำนายผลแข่ง ทีมชาติไทย พบ โอมาน นัดสอง ศึกเอเชียน คัพ 2023 คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โปรแกรมฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบแรก นัดสอง 19 ม.ค.67
วันหยุดกุมภาพันธ์ 2567 เช็กวันหยุดราชการ-วันสำคัญ ตรงกับวันไหนบ้าง