Search for:
  • Home/
  • Games News/
  • ความไม่แน่นอนรัฐบาลใหม่-งบล่าช้า กดดันความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย

ความไม่แน่นอนรัฐบาลใหม่-งบล่าช้า กดดันความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย

ภาคส่งออกที่หดตัวฉุดความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ด้านการเมืองยังมีความเสี่ยงที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 จะล่าช้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายนปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 95.0 จาก 97.8 ในเดือนก่อน

ปัจจัยลบจากการชะลอตัวของภาคการผลิตซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับอุปสงค์ต่างประเทศยังคงอ่อนแอ สะท้อนจากดัชนีคำสั่งซื้อและยอดขายต่างประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ชำแหละนโยบายรัฐบาลใหม่ 100 วันแรก หุ้นหลายตัวต้องจับตา?

ธปท.ไม่ห่วงแบงก์พาณิชย์ ชี้มีเสถียรภาพ แต่กังวลหนี้ครัวเรือนยังสูง

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นด้านต้นทุนประกอบการยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนการผลิต

สัญญาณเชิงลบจากการปรับลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน รวมถึงดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับลดลงเช่นกันสู่ระดับ 105.0 จาก 106.3 ในเดือนมีนาคม จากความกังวลของผู้ประกอบการต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน อุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอตัวกระทบต่อภาคส่งออกของไทยหดตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

 ความไม่แน่นอนรัฐบาลใหม่-งบล่าช้า กดดันความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย

ล่าสุดทางสภาพัฒน์ฯ คาดว่าปริมาณการค้าโลกในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตเพียง 2.1% ชะลอลงจากที่ขยายตัว 5.1% ในปี 2565 พร้อมกับชี้ว่าการแก้ไขปัญหาภาคส่งออกของไทยถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญในช่วงที่เหลือของปี โดยควรเร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังเติบโตในเกณฑ์ดี การสร้างตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียน และการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มประเทศ CLMV เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในระยะถัดไปนอกจากยังเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกแล้ว สถานการณ์การเมืองในประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะมีความคืบหน้าในการรวมกันของ 8 พรรคการเมือง นำโดยพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลด้วยจำนวนส.ส. 313 ที่นั่ง แต่ยังมีความไม่ชัดเจนทั้งประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลและทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่การจัดทำและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อาจล่าช้ากว่าปกติ แม้หากจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนสิงหาคมจะมีเวลาเหลือไม่ถึง 2 เดือนในการอนุมัติงบประมาณฯ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมปีนี้

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแผ่วลงในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ล่าสุด (วันที่ 8-14 พฤษภาคม) มีจำนวน 415,309 คน โดยปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนราว 7% เนื่องจากไม่มีช่วงวันหยุดต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดระยะใกล้

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ซึ่งคิดรวมกันเป็น 47.5% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ประกอบด้วย มาเลเซีย (-14.8% WoW) จีน (-5.3%) อินเดีย (+4.5%) ลาว (-8.7%) และเกาหลีใต้ (-7.2%)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงต้นไตรมาสสองของปีนี้จะชะลอลงบ้าง (ข้อมูลเบื้องต้นเดือนเมษายนมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.13 ล้านคน จาก 2.22 ล้านคนในเดือนมีนาคม) ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยทางฤดูกาล (โลว์ซีซั่น) สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้นราว 8.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 61% ของช่วงก่อนโควิด (2562) โดยมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักรมีจำนวนกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว (80-100%) ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (21% ของช่วงก่อนโควิด)

อย่างไรก็ตาม สัญญาณเชิงบวกจากการเปิดเผยของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ระบุตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป จำนวนเที่ยวบินจากจีนมาไทยจะมีการปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 152 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 327 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะทยอยปรับเพิ่มเป็น 450 เที่ยวบินในเดือนกรกฏาคม จึงคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นและกลับเข้าสู่ช่วงก่อนเกิดโควิดได้เร็วขึ้น

วิจัยกรุงศรีคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นสู่ 14.5 ล้านคนในช่วงครึ่งปีหลัง จาก 12.5 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก