Search for:
  • Home/
  • Games News/
  • ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ปิกอัพแรงระดับพรีเมียม

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ปิกอัพแรงระดับพรีเมียม

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เป็นรถปิกอัพระดับพรีเมียมจากค่ายฟอร์ด เปิดตัวในบ้านเราครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2018 และกลายเป็นดาวเด่นของวงการรถปิกอัพไทย รุ่นต่อมาเพิ่มออพชั่นระบบความปลอดภัยให้สูงขึ้นแต่ยังขายในราคาเดิมจนในช่วงกลางปี 2021 ฟอร์ดก็สั่งลาแร็พเตอร์ รุ่นแรก และหันมาเผยโฉม แร็พเตอร์ เอ็กซ์ ที่ติดตั้งชุดแต่งรอบคันให้ดุดันขึ้นกว่าเดิม และล่าสุดฟอร์ดก็เปิดตัว แร็พเตอร์ เจเนอเรชั่น 2 ที่มาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ ขุมพลังแรงขึ้น ระบบขับเคลื่อนที่ดีกว่าเดิม กับเพิ่มระบบความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกที่สูงขึ้น

สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นที่ 2 นั้นเป็นรถที่ประกอบขึ้นในบ้านเรา จากโรงงานฟอร์ดไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และยังเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวในโลกที่ผลิตเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ป้อนสู่ตลาดทั่วโลกอีกด้วย สำหรับสีตัวถังภายนอกแร็พเตอร์ใหม่มีให้เลือก 4 สี

สำหรับการออกแบบรูปโฉมโดยรวมหล่อตามยุคนิยมรถกระจังหน้าใหญ่ ๆ โคมไฟมีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์แบบแอลอีดีรูป C-Clamp ไฟหน้าเป็นแบบแม็ททริกซ์ แอลอีดี ปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ กับระบบป้องกันไฟแยงตาและระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหน้าสีดำมีไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี พร้อมเสริมแผ่นโลหะหน้า 2.3 มม. ด้านใต้ เพื่อป้องกันอ่างน้ำมันกระแทกหินมาให้เรียบร้อย ส่วนเส้นสายรอบตัวรถดูสมส่วนและลงตัว พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ บันไดข้าง คิ้วบังโคลนล้อทั้ง 4 ด้าน ทำให้รถดูแข็งแกร่งบึกบึนขึ้นใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ทุกชิ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ด้านกระบะด้านหลังตัวฝาท้ายที่ติดตั้งระบบผ่อนแรงในการเปิดปิด นอกจากนี้ฝาท้ายยังมีระบบล็อกที่ทำงานร่วมกับระบบล็อกประตูรถทั้ง 4 บาน เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ F-22 Raptor เบาะคู่หน้ามีขนาดใหญ่และสูงนั่งได้สบายไม่ว่าจะบนทางเรียบหรือเส้นทางออฟโรด การปรับเบาะด้านคนขับสะดวกสบายด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทาง มุมมองโดยรอบมองเห็นได้กว้างไกล คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับช่องแอร์ พวงมาลัยและเบาะที่ตกแต่งด้วยสีส้ม “โค้ด ออเรนจ์” ดูเท่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน รวมทั้งติดตั้งระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบดิจิทัลช่วยให้ผู้โดยสารควบคุมและใช้งานอุปกรณ์ได้สะดวกกว่าเดิม โดยผ่านแผงหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอความคมชัดสูงแบบสัมผัสที่คอนโซลกลางขนาด 12 นิ้ว เชื่อมกับกล้อง 360 องศา ระบบช่วยจอดอัตโนมัติและหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® ซึ่งเป็นระบบความบันเทิงรุ่นล่าสุดของฟอร์ด ส่วนชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen ลำโพง 10 ตัว

ส่วนพื้นที่ของเบาะหลังนั้นแม้จะถอยตัวเบาะหน้ามาจนสุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ชนกับเข่าของผู้โดยสารตัวโตตอนหลังเลย นอกจากนี้ออกแบบพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งเบาะหลังใหม่เพิ่มที่เก็บสัมภาระของทุกคนในครอบครัวได้โดยที่นั่งยังคงกว้างขวางสะดวกสบาย เรื่องการเก็บเสียงที่ความเร็วต่ำกว่า 120 กม./ชม. นั้นถือว่าทำได้ดีมากแต่ความเร็วสูงจะได้ยินเสียงลมปะทะกับกระจกมองข้างขนาดใหญ่ดังขึ้น

ใต้ฝากระโปรงติดตั้งไว้ด้วยขุมพลังตัวใหม่ เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซินขนาด 3.0 ลิตร วี 6 สูบ เทอร์โบคู่ EcoBoost ที่ให้พละกำลังเทียบกับฝูงม้าถึง 397 ตัว ที่ 5,650 รอบ/นาที กับแรงบิด 583 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ปรับแต่งโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบไฟฟ้า หรือ E-Shifter และเลือกเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาได้ผ่านแป้นแพดเดิ้ลชิพที่คอพวงมาลัย

ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ระบบขับ 4 ล้ออัตโนมัติ ที่แบ่งแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 ตามความเหมาะสม ระบบขับ 4 ล้อแบบแบ่งแรงบิดหน้า/หลัง 50/50 และระบบขับ 4 ล้อความเร็วต่ำ ส่วนโหมดการขับขี่ก็มีให้เลือกได้มากถึง 7 โหมด ประกอบด้วยโหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดถนนลื่น สำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่ออฟโรดอย่าง โหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา

แร็พเตอร์ รุ่นที่ 2 ยังติดตั้งชุดดิฟล็อกไฟฟ้าแบบแยกหน้า/หลังที่ผู้ขับสามารถจะเลือกแยกล็อกเฉพะดิฟด้านหน้า หรือดิฟด้านหลังได้ตามความเหมาะสมและยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำบนเส้นทางออฟโรดแบบใหม่ที่เรียกว่า Trail Control™ ทำหน้าที่คล้ายกับระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติที่ผู้ขับสามารถเลือกความเร็วได้แต่จะไม่เกิน 32 กม./ชม. เพื่อให้รถควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรกเอง ส่วนผู้ขับก็เพียงแค่บังคับควบคุมพวงมาลัยอย่างเดียว สำหรับระบบไอเสีย ยังปรับระดับความดังได้ด้วยระบบไฟฟ้า 4 โหมด ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดบาฮา

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกอะลูมิเนียม 2 ชั้นพร้อม FOXTMLive ValveTM Shocks ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อกพร้อมโช้ค FOXTM Live ValveTM Shocks แบบมีซับแท็งก์และระบบบายพาสภายในพร้อมด้วยวัตต์ลิงค์ จุดเด่นของระบบช่วงล่างนั้นทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้ร่วมมือกับ FOX™ ปรับแต่งการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-ยุบของโช้คอัพเพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด ส่งผลให้ตัวโช้คอัพมีความสามารถในการปรับการทํางานได้แบบเรียลไทม์โดยใช้เซ็นเซอร์รอบคันทําให้โช้คปรับค่าความหน่วงจากจุดปะทะต่าง ๆ ได้มากถึง 500 ครั้งต่อวินาที

ส่วนการทดลองขับบนนถนนทางเรียบนั้นการตอบสนองของพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าที่ปรับได้ 3 ระดับนั้นมีน้ำหนักกำลังดีควบคุมได้ง่ายและมีความแม่นยำในทุกช่วงความเร็ว ระบบช่วงล่างได้รับการปรับค่าความแข็งของสปริงและโช้คอัพมาได้เหมาะสมเพิ่มความนิ่มนวลนั่งสบาย แต่ยังคงให้ความมั่นคงในการเข้าทรงช่วงทางตรงและยึดเกาะถนนในทางโค้งได้น่าประทับใจ

ส่วนสมรรถนะเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งออกตัวได้ทันใจและกว่า 90% ของแรงบิดจะมีมาให้ใช้ได้ในช่วงความเร็วรอบที่ต่ำกว่า 2,000 รอบ/นาที จึงทำให้รถมีอัตราเร่งแซงในช่วง 60-120 กม./ชม. ได้ว่องไวมาก ๆ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 6 กม./ลิตร ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้เพราะม้าฝูงโตก็ต้องกินหญ้าเยอะเป็นธรรมดา สำหรับการใช้งานในเส้นทางออฟโรดขับเคลื่อน 4 ล้อมีจุดเด่นตรงที่สามารถเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ง่ายมาก เพราะใช้ปุ่มไฟฟ้าในการเลือกตำแหน่งการขับเคลื่อน และยังติดตั้งระบบ TrailControl™ ที่จะช่วยควบคุมรถให้เคลื่อนที่ผ่านเส้นทางออฟโรดไปได้ง่าย ๆ แบบผู้ชำนาญการขับออฟโรด

โดยรวมฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์รุ่นที่ 2 เป็นรถเอสยูวีที่มาในร่างของรถปิกอัพ คุณแค่หาฝาปิดกระบะมาใส่ก็จะยิ่งเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานประจำวันและท่องเที่ยว ส่วนความคุ้มค่าต้องบอกว่าในบรรดารถที่มีแรงม้าใกล้ ๆ 400 ตัว ก็มีแต่แร็พเตอร์รุ่นที่ 2 เท่านั้นที่ค่าตัวต่ำกว่า 2 ล้านบาท.